5 แนวโน้มเทคโนโลยีสุขภาพ 2023

ปัจจุบันในอุตสหกรรมการแพทย์นั้นมีเทคโนโลยีและโซลูชันใหม่ๆเกิดขึ้น อย่างเช่น อุปกรณ์สวมใส่ (wearable), mHealth, การแพทย์ทางไกล (telemedicine) และโซลูชันด้านสุขภาพต่าง ๆ ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์และวิศวกรรมชีวการแพทย์เป็นตัวขับเคลื่อน โดย Intersog ได้รวบรวมแนวโน้มเทคโนโลยีสุขภาพที่จะเกิดขึ้นในปี 2023 จากการคาดการณ์โดยบริษัทชั้นนำในอุตสหกรรมการแพทย์ไว้ดังนี้

ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence)

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ถูกนำใช้มาใช้อย่างค่อนข้างแพร่หลายในอุตสหกรรมการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์ การคิดค้นยาใหม่  การวิเคราะห์ความผิดปกติของโรคทางสมอง และด้านเวชศาสตร์ป้องกัน โดย Resident research คาดการณ์ว่า ตลาดของ AI ในธุรกิจการแพทย์ทั่วโลกมีมูลค่าถึง 15.1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 และคาดว่าจะแตะ 20.65 ดอลลาร์ในปี 2023 และในปี 2030 ตลาดจะมีมูลค่าถึง 187.95 พันล้านดอลลาร์ (โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีที่ 37% ตั้งแต่ปี 2022 – 2030)

 

ปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกใช้มากที่สุดในอุตสาหกรรมการแพทย์

 

การวิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์ (Medical image analysis)

AI ถูกนำมาใช้ในการช่วยแพทย์วิเคราะห์หาความผิดปกติจากภาพถ่ายทางการแพทย์ เพื่อให้แพทย์หารอยโรคหรือจุดที่ผิดปกติได้รวดเร็วและมั่นยำยิ่งขึ้นเสมือนมีผู้ช่วยในการอ่านภาพ เช่น การตรวจหารอยโรคในภาพถ่ายทรวงอก การตรวจคัดกรองมะเร็งจากภายถ่ายแมมโมแกรม หรือการปรับคุณภาพภาพให้ดีขึ้นขณะที่ใช้ปริมาณรังสีที่ลดลง

 

การคิดค้นยาใหม่ (Drug discovery)

AI ได้เข้ามามีบทบาทในกระบวนการการคิดค้นยาอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการลดระยะเวลาในการคิดค้นยาตัวใหม่ที่จากเดิมใช้เวลานับสิบปีในการคิดค้นยาตัวหนึ่ง การใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการค้นหาข้อมูลของยา หรือการวิเคราะห์ข้อมูลคนไข้เพื่อลดความซับซ้อนของการทำวิจัยเชิงคลีนิก

 

โรคทางสมอง (Brain diseases)

AI ที่ถูกนำมาใช้ในการช่วยรักษาและตรวจหาความผิดปกติของระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์และพาร์กินสัน โดย AI จะช่วยให้แพทย์สามารถแยกความแตกต่างระหว่างภาวะสมองเสื่อมในรูปแบบต่างๆได้

 

ด้านเวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive medicine)

ในด้านเวชศาสตร์การป้องกัน AI ถูกนำเข้ามาใช้ในการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ โดยนำข้อมูลผู้ป่วยในอดีตมาใช้เพื่อระบุถึงแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะสามารถช่วยให้แพทย์เข้าใจความเสี่ยงและความเป็นไปได้ของการลุกลามของโรคและสภาวะสุขภาพผู้ป่วย เพื่อให้สามารถออกแบบแผนการดูแลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในขณะที่นวัตกรรมด้านการแพทย์ได้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกันกับโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่ตั้งใจให้มีการเชื่อมต่อกับอย่างสมจริงมากขึ้น ดังนั้นชุมชนเสมือนจริงหรือว่า virtual communities น่าจะเข้ามามีบทบาทกับผู้ป่วยในปี 2023 มากขึ้น

DailyStrenght ได้ยกตัวอย่างบทบาทของชุมชนเสมือนจริงว่าจะเข้ามามีส่วนช่วยในการให้ผู้ป่วยได้สามารถพูดคุย แบ่งปันประสบการณ์การรักษา หรือให้กำลังใจกันกับผู้ป่วยที่เป็นโรคคล้ายคลึงกัน หรือเป็นการเชื่อมต่อให้เกิดสังคมของกลุ่มคนที่ใหญ่ขึ้นเพื่อที่จะส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ป่วยให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้น และในไม่กี่ปีข้างหน้ามีแนวโน้มที่จะเริ่มเห็นการดูแลรักษาผู้ป่วยแบบครบวงจรผ่านสังคมเสมือนจริงมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่เข้าถึงการรักษาได้ยาก ผู้ป่วยที่อยู่พื้นที่ห่างไกล หรือผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลรักษาแบบระยะยาว

การเชื่อมโยงข้อมูลผ่าน The Internet of Medical Things (IoMT)

ในด้านเวชศาสตร์การป้องกัน AI ถูกนำเข้ามาใช้ในการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ โดยนำข้อมูลผู้ป่วยในอดีตมาใช้เพื่อระบุถึงแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะสามารถช่วยให้แพทย์เข้าใจความเสี่ยงและความเป็นไปได้ของการลุกลามของโรคและสภาวะสุขภาพผู้ป่วย เพื่อให้สามารถออกแบบแผนการดูแลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ปัจจุบันผู้ป่วยให้ความตระหนักเรื่องสุขภาพเพิ่มมากขึ้น และต้องการมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น The Internet of Medical Things (IoMT) จึงเป็นเทรนด์ที่สำคัญที่จะทำให้ข้อมูลของผู้ป่วยและแพทย์นั้นเชื่อมโยงกัน การเก็บรวบรวมข้อมูลด้านสุขภาพของแต่ละบุคคลแบบเรียลไทม์ การแชร์ข้อมูลผู้ป่วยให้กับผู้ให้บริการด้านสุขภาพอื่น การจัดการด้านยารักษา รวมไปถึงการเข้าถึงการดูแลขณะวิกฤติ เพื่อให้แพทย์สามารถดูแลสุขภาพของผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำและทันท่วงทีมากขึ้น โดย Deloitte ได้มีการคาดการณ์ว่าตลาด IoMT จะมีมูลค่าถึง 158.1 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2022 ในขณะเดียวกัน ตลาด IoMT จะมีอัตราการเติบโตรายปีแบบผสมที่ 12% และสูงถึง 215.8 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2025

การชะงักของห่วงโซ่อุปทานในธุรกิจสุขภาพ

ทุก ๆ ปี อุตสาหกรรมด้านสุขภาพมีการเชื่อมต่อกันมากขึ้นกว่าที่เคย ทำให้เกิดการพึ่งพากันของผู้เล่นในอุตสาหกรรมอย่างแน่นแฟ้น ตั้งแต่การนัดหมายของแพทย์ การใช้แอพพลิเคชันช่วยตรวจจับรอยโรค การรวบรวม เข้าถึง และส่งต่อข้อมูลผู้ป่วย หรือแม้ประทั่งการเจาะเลือดถึงบ้าน หรือ การส่งยาถึงบ้าน ดังนั้นหากส่วนใดส่วนหนึ่งในโซ่อุปทานมีการหยุดชะงักอาจทำให้เกิดปัญหาได้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงก็คือผู้ป่วยไม่ว่าจะเป็นในแง่ของสุขภาพหรือความปลอดภัย

สิ่งที่สำคัญสำหรับเรื่องนี้คือการเตรียมการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ผู้ให้บริการต่าง ๆ จะต้องให้ความสำคัญต่อเรื่องต่อไปนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ขึ้น 

การเตรียมมาตรการหากเกิดเหตุไว้ล่วงหน้าร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล พาร์ทเนอร์ ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ และ ระบบไอทีอื่น ๆ
การจัดทำระบบมอนิเตอร์ที่เหมาะสมของการไหลเวียนของข้อมูลเข้าและออกจากระบบ
การจัดทำการบริหารความเสี่ยงเพื่อหาจุดที่เสี่ยงและเตรียมมาตรการการป้องกัน

 

ความต้องการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการดูแลสุขภาพจะเพิ่มขึ้น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผู้คนเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพและมีความต้องการด้านการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงมากขึ้นอย่างมีนัยะสำคัญ ทั้งในแง่เครื่องมือและการบริการ ส่งผลให้โรงพยาบาล และธุรกิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านสุขภาพมีการขยับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่น การเพิ่มขึ้นของผู้ให้บริการระบบ telemedicine หรือ แอพพลิเคชันที่ให้ผู้ป่วยเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพ หรือระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยในการวิเคราะห์โรค รวมไปถึงการเฝ้าดูผู้ป่วยแบบทางไกล  ในปี 2023 เราอาจจะเห็นความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นไปอีกพร้อมกับความคาดหวังของผู้ป่วยที่ให้หน่วยบริการสุขภาพมีเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมการบริการและคุณภาพด้านการแพทย์ที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

ความต้องการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการดูแลสุขภาพจะเพิ่มขึ้น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผู้คนเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพและมีความต้องการด้านการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงมากขึ้นอย่างมีนัยะสำคัญ ทั้งในแง่เครื่องมือและการบริการ ส่งผลให้โรงพยาบาล และธุรกิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านสุขภาพมีการขยับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่น การเพิ่มขึ้นของผู้ให้บริการระบบ telemedicine หรือ แอพพลิเคชันที่ให้ผู้ป่วยเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพ หรือระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยในการวิเคราะห์โรค รวมไปถึงการเฝ้าดูผู้ป่วยแบบทางไกล  ในปี 2023 เราอาจจะเห็นความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นไปอีกพร้อมกับความคาดหวังของผู้ป่วยที่ให้หน่วยบริการสุขภาพมีเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมการบริการและคุณภาพด้านการแพทย์ที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

ยกตัวอย่างในเรื่องของการนำ AI เข้ามาใช้ในการวินิจฉัยภาพถ่ายทางการแพทย์ไม่ได้เป็นเรื่องที่ไกลตัว หรือถูกใช้แค่ในต่างประเทศ ปัจจุบันหลายโรงพยาบาลในประเทศไทยได้มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้ในการช่วยในการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์อย่างแพร่หลาย เพื่อเพิ่มคุณภาพการวินิจฉัยโรค และประสิทธิภาพการทำงานให้รองรับจำนวนผู้ป่วยได้มากขึ้นในขณะที่มีคุณภาพการบริการเพิ่มขึ้น ระบบ Inspectra เองเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์สัญชาติไทยที่ถูกเทรนจากภาพถ่ายทางรังสีจำนวน 1.5 ล้านภาพทั่วโลก ได้รับเลือกมาให้เป็นผู้ช่วยแพทย์ในหลาย ๆ โรงพยาบาลทั่วประเทศ ในการวิเคราะห์ความผิดปกติของผู้ป่วยจากภาพถ่ายทางการแพทย์ และจะแสดงผลออกมาในรูปแบบของ Heatmap ช่วยให้แพทย์พบจุดผิดปกติได้ไวขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมตามมาตรฐานระดับสากล เพื่อให้โรงพยาบาลคลายกังวลเรื่องข้อมูลของผู้ป่วย

โดยสรุป

โดยสรุปแล้วนั้นแนวโน้มทางด้านสุขภาพในปี 2023 นั้นมีทั้งส่วนที่เป็นโอกาสและส่วนที่เป็นความท้าทายที่ผู้ให้บริการต่าง ๆ ควรให้ความสนใจ เพื่อให้การเติบโตในปี 2023 และปีถัด ๆ นั้นไปเป็นไปได้อย่างมั่นคง

 

ที่มา

AI and Preventive Care: New Solutions for More Effective Prevention

Artificial Intelligence (AI) in Healthcare Market (By Component: Software, Hardware, Services; By Application: Virtual Assistants, Diagnosis, Robot Assisted Surgery, Clinical Trials, Wearable, Others; By Technology: Machine Learning, Natural Language Processing, Context-aware Computing, Computer Vision; By End User) – Global Industry Analysis, Size, Share, Growth, Trends, Regional Outlook, and Forecast 2022 – 2030

Health Technology Trends Outlook 2023

Facebook
Twitter
LinkedIn

Related Resources

Have you ever heard that good AI needs a massive amount of data to learn? While that's certainly true, it's actually just one piece of the puzzle. Perceptra model team believes that true "good" AI in medical imaging goes beyond the size
Greetings, health enthusiasts! As we step into the promising landscape of 2024, the healthcare sector is undergoing a transformative evolution, thanks to cutting-edge technologies. From AI-powered diagnostics to regulatory controls and patient-doctor communication, this year holds the promise of groundbreaking innovations